เครื่องมือ Facebook เป็นเรื่องที่ STARTUP NOW อยากจะแนะนำให้คุณได้รู้จักและทดลองใช้ค่ะ เพราะการตลาดออนไลน์บน platform Facebook ทุกวันนี้จะว่าไปก็เหมือนสงครามดี ๆ นี่เอง ไม่ว่าจะธุรกิจไหนก็ต้องมีเพจเฟซบุ๊คกันทั้งนั้น แต่ความจริงที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดทุกคนทราบดี คือ “แค่มีเพจไม่ได้แปลว่าประสบความสำเร็จในการทำการตลาดบน Facebook แล้ว และไม่ได้หมายความว่าสินค้าของคุณจะขายได้”
เพราะอย่างนี้ Facebook ก็เลยสร้างเครื่องมือขึ้นมาเป็นอาวุธลับ ช่วยให้คุณทำการตลาดออนไลน์บน Facebook ได้อย่างชาญฉลาดและง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็แน่นอนค่ะว่ายอดขายก็ย่อมจะดีขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน และบทความนี้เราก็จะมาแชร์เคล็ด (ไม่) ลับนี้ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน กับ 12 เครื่องมือที่ Facebook มอบให้กับเจ้าของธุรกิจ นักการตลาด และ Content Creator ทุกคนโดยเฉพาะ และที่สำคัญ มันฟรีค่ะ
ระหว่างที่อ่าน เราอยากให้คุณทำ checklist ไปด้วย ว่ามีกี่เครื่องมือที่คุณรู้จัก เคยใช้แล้ว หรือใช้อยู่ตอนนี้? แล้วมันเวิร์คมั้ย? และมีเครื่องมืออันไหนอีกบ้างที่คุณยังไม่เคยลองใช้ แต่คิดว่า “น่าจะ” เหมาะกับธุรกิจของคุณ เริ่มกันเลยค่ะ!
หัวข้อ (คลิกเลือกอ่านได้)
1. Facebook IQ Insights
Facebook IQ Insights คือ รายงานสรุปเชิงสถิติเกี่ยวกับหัวข้อการสนทนา โพสต์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นกระแสบน Facebook มาก่อน โดย Facebook ได้แบ่งผลการศึกษาเหล่านี้ออกเป็น 7 หมวดหมู่ที่แตกต่างกัน ได้แก่ ความงามและแฟชั่น การค้า ความบันเทิง อาหารและเครื่องดื่ม ร่างกายและจิตใจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการท่องเที่ยวและสันทนาการ
จากข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลบน Facebook ถ้าให้อ่านให้ทั้งหมดหลายคนคงร้องโอดโอยกันแน่ใช่มั้ยล่ะคะ Facebook เลยทำให้ง่ายขึ้นด้วยตัวกรองข้อมูลที่ช่วยให้เราได้รู้ trend / topic / talk of the town บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจและการตลาดมากนะคะ
เจ้าของธุรกิจสามารถเอาข้อมูลนี้ไปประกอบการตัดสินใจลงทุนผลิตหรือพัฒนาสินค้าได้ นักการการตลาด คนทำคอนเทนต์ สามารถใช้ข้อมูลนี้มาวางแผนการตลาด กำหนดแคมเปญทางการตลาด วางกลยุทธ์ทำ Content ได้ สำหรับข้อมูลของไทยอาจมีไม่มาก แต่ก็พอมีให้อ่านและนำมาใช้งานได้ค่ะ
ทดลองใช้เครื่องมือนี้ได้ที่ https://web.facebook.com/iq/insights-to-go/tags/thailand
2. Facebook Audience Insight
เข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณให้มากขึ้นด้วยเครื่องมือที่ชื่อว่า Facebook Audience Insight ซึ่งจะเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ 3 กลุ่มให้คุณ คือ ผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับเพจของคุณ ผู้ใช้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองของคุณ และผู้ใช้บน Facebook โดยข้อมูลที่คุณจะได้จากทั้ง 3 กลุ่มนี้ ได้แก่
- ภาพรวมข้อมูลทางประชากรศาสตร์ ที่แยกย่อยอายุและเพศ ระดับการศึกษา ตำแหน่งงาน สถานะความสัมพันธ์ และอื่น ๆ
- สิ่งที่ผู้คนสนใจและชื่นชอบ ช่วยให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับความสนใจและงานอดิเรกของผู้ใช้
- ไลฟสไตล์ รูปแบบการดำเนินชีวิต ลักษณะความสัมพันธ์ ท้องถิ่นที่อยู่อาศัย
ข้อมูลเหล่านี้ ช่วยให้เจ้าของธุรกิจและนักการตลาด ได้รู้จักกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณในแง่มุมที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนค่ะ ซึ่งจะช่วยให้คุณวางแผนการตลาด สื่อสารการตลาด ทำงานโฆษณา ได้โดนใจกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสทางธุรกิจและการปิดการขายได้แบบสวย ๆ
คุณสามารถทดลองใช้เครื่องมือนี้ได้ที่ https://www.facebook.com/ads/audience-insights/
3. Facebook Page Insight
เครื่องมือสำคัญที่เจ้าของธุรกิจ นักการตลาด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นแอดมินเพจ จำเป็นต้องรู้จักและใช้ให้เป็นเพื่อให้เห็นภาพรวมของเพจได้ดีขึ้น สามารถวางแผนบริหารจัดการเพจและ content ได้อย่างเป็นระบบค่ะ
Facebook Page Insight จะสรุปภาพรวมความเคลื่อนไหวของเพจให้คุณทราบ โดยสามารถดูย้อนหลังได้นานสุดถึง 4 สัปดาห์เลยทีเดียวค่ะ ข้อมูลที่คุณจะได้รู้จากเครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าจุดไหนของเพจที่คุณควรต้องปรับปรุงหรือพัฒนา โพสต์ไหนที่ปัง โพสต์ไหนที่แป้ก Content แบบไหนที่คนชอบ Promotion ไหนที่ได้รับการตอบรับที่ดีและควรทำอีก เป็นต้น
ทดลองใช้งานได้โดย เข้าไปหน้า Facebook Fanpage ของตัวเอง แล้วกด Tab ด้านบน “ข้อมูลเชิงลึก” หรือ “Insights” ค่ะ
4. Facebook Text Overlay Tool
เครื่องมือนี้นักการตลาด คนเป็นกราฟฟิค และคนทำคอนเทนต์ จำเป็นต้องรู้อย่างยิ่งค่ะ เพราะมีหลายคนเลยที่ทำโพสต์ออกมาสวยงามตระการตา แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถยิงโฆษณาได้เพราะทำผิดกฎการโฆษณาของ Facebook ที่มีอยู่หลายข้อด้วยกัน และหนึ่งในนั้นคือ การกำหนดสัดส่วนของข้อความที่ปรากฎในรูปภาพที่ใช้ในโพสต์โฆษณาค่ะ ภาพโฆษณาที่มีข้อความมากเกินไปอาจส่งผลให้โฆษณาของคุณเข้าถึงผู้คนได้น้อยลงหรือไม่แสดงเลยนะคะ
สัดส่วนของข้อความในรูปภาพที่ดีที่สุดสำหรับการยิงโฆษณา คือ ต้องน้อยกว่า 20% ของภาพ
เครื่องมือ “Facebook Text Overlay Tool” นี้จะช่วยให้คุณตรวจสอบสัดส่วนของข้อความในรูปภาพเบื้องต้นได้ก่อนที่จะใช้ภาพดังกล่าวยิงโฆษณา ข้อควรระวังคือ การโฆษณาแบบภาพสไลด์โชว์ หรือ แบบภาพแกลอรี่ หากรูปภาพเพียง 1 ภาพในภาพสไลด์หรือแกลอรี่ของคุณมีข้อความมากเกิน 20% ก็จะส่งผลต่อทั้งโฆษณาทั้งชุดเลยนะคะ ดังนั้นต้องใช้เครื่องมือตรวจสอบทุกภาพค่ะ
สำหรับการใช้งานเครื่องมือนี้ ปัจจุบันรองรับได้เฉพาะการเปิดในคอมพิวเตอร์เท่านั้นนะคะ ซึ่งคุณสามารถทดลองใช้ได้ที่นี่ค่ะ https://www.facebook.com/ads/tools/text_overlay
5. Facebook Ad Manager
เรียกอีกอย่างว่า “ตัวจัดการโฆษณา” เป็นเครื่องมือของ Facebook ที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างและจัดการโฆษณาบน Facebook ของคุณได้ โดยคุณสามารถดู แก้ไข และดูผลลัพธ์ของแคมเปญโฆษณา ชุดโฆษณา และโฆษณาบน Facebook ของคุณทั้งหมด คุณสมบัติของเครื่องมือนี้ คือ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่ออกแบบมาสำหรับคนยิงแอดที่มีประสบการณ์ทุกระดับเพราะมีตัวช่วยเป็นคำแนะนำและคำอธิบายตลอดขั้นตอนของการยิงโฆษณา
คุณสามารถทดลองใช้ได้ที่นี่ค่ะ www.facebook.com/adsmanager/manage/
ข้อควรรู้: การใช้แอพมือถือ Facebook Ads Manager สำหรับ iOS และ Android จะมีบางฟีเจอร์เท่านั้นนะคะ เพราะฉะนั้นถ้าเลือกได้แนะนำให้เข้ามาดูหรือจัดการโฆษณาต่าง ๆ ผ่านคอมพิวเตอร์จะดีกว่าค่ะ
6. Facebook Business Manager
เครื่องมือนี้มีประโยชน์มากสำหรับคนที่บริหารงานหลายเพจ เช่น เอเจนซี่ ฟรีแลนซ์ที่รับเป็นแอดมินเพจ นักการตลาดที่ดูแลแคมเปญรวมถึงเหมาะกับเพจของแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีแอดมินเพจหลายคนด้วยเช่นกัน เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณดู ติดตามโฆษณา อ่านผลลัพธ์ จัดการองค์ประกอบของชิ้นงานโฆษณา รวมถึงเพิ่มบุคคลอื่นที่จะมาทำหน้าที่ Page Editor ได้อีกด้วย ธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ทั่วโลกต่างก็ใช้ตัวจัดการธุรกิจนี้เพื่อจัดระเบียบองค์ประกอบการโฆษณาและข้อมูลของธุรกิจทั้งหมดไว้ในที่เดียวกัน
ในแง่ความปลอดภัยจากการเข้าถึงข้อมูลธุรกิจ และข้อมูลทางธุรกรรม เครื่องมือนี้สามารถจัดการสิทธิ์การเข้าถึงของบุคคลอื่น ๆ ได้ค่ะ คุณจึงสบายใจหายห่วงได้ว่าข้อมูลบัตรเครดิตของคุณจะไม่รั่วไหลแน่นอนค่ะ
สามารถทดลองใช้งานได้ที่นี่เลย https://business.facebook.com/
7. Facebook Ad Guide (คู่มือในการโฆษณา Facebook)
อย่างที่ทราบกันดีนะคะว่ากลุ่มแอพของ Facebook ที่รองรับการยิงโฆษณามีหลายอันด้วยกัน ได้แก่ Facebook, Instagram, Audience Network และ Messenger และในการโฆษณาแต่ละรายการจะมี 2 องค์ประกอบที่ Facebook ใช้พิจารณาอนุมัติ คือ รูปแบบ (ลักษณะ) และตำแหน่งการจัดวาง (ตำแหน่งที่จะแสดง) ซึ่งกลุ่มแอพเหล่านี้ต่างก็มีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปค่ะ
คู่มือฉบับนี้จะอธิบายข้อกำหนดในการโฆษณาสำหรับแต่ละแอพ รวมถึงข้อกำหนดจำเพาะ เช่น ขนาด ไฟล์ และการจำกัดตัวอักษร
อ่านตัวช่วยนี้ได้ที่ https://www.facebook.com/business/ads-guide
8. Facebook Creative Hub
เครื่องมือที่นักการตลาดและครีเอทีฟ (ผู้สร้างชิ้นงานโฆษณา) ต้องตกหลุมรักหากได้ลองใช้สักครั้ง เพราะการใช้งานที่หลากหลายเพื่อตอบสนองการสร้างสรรค์เนื้อหาบน Facebook และ Instagram โดยสิ่งที่คุณสามารถทำได้ใน Creative Hub ได้แก่
- หาแรงบันดาลใจจากแกลอรี่ภาพจำนวนมากที่รวบรวมผลงานของแบรนด์และเอเจนซี่อื่น ๆ รวมทั้ง วิดีโอ 360, โฆษณาแบบภาพสไลด์, Canvas และวิดีโอ ที่เทพมากคือ คุณสามารถดูข้อมูลเชิงลึกของชิ้นงานโฆษณา/แคมเปญนั้นอย่างแนวคิดหรือกลยุทธได้ด้วย
2. ทดลองสร้างสรรค์ผลงานจากแรงบันดาลใจที่ได้ลงบน Creative Hub ได้โดยตรง เสมือนเป็นชิ้นงาน mock up โฆษณา และสามารถส่งแชร์ให้ทีมงานหรือลูกค้าของคุณได้เลย
3. ดูตัวอย่างโฆษณาของคุณเหมือนที่ปรากฏจริงอยู่ในฟีดมือถือ และยังสามารถดูว่าจะมีลักษณะเช่นไรในฟีดข่าว Facebook หรือ Instagram ซึ่งคุณสามารถส่ง url ให้ทีมงานหรือลูกค้าคุณดูได้ด้วย
4. สร้าง Project แล้วเชิญ Creative คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะ inhouse หรือ เอเจนซี่ มาร่วมสร้างงานร่วมกันได้
5. เมื่อคุณทำชิ้นงานเสร็จ ก็สามารถแชร์จาก Creative Hib ไปหาทีมงานหรือลูกค้าให้ชมหรืออนุมัติก่อนโพสต์จริงได้เลย โดยไม่ต้องอัพโหลด-ดาวน์โหลดไฟล์ให้เสียเวลา
ทดลองใช้เครื่องมือได้ที่ https://www.facebook.com/ads/creativehub
9. Facebook Business
เป็นเหมือนศูนย์รวมองค์ความรู้และชุดเครื่องมือทุกอย่างที่เจ้าของธุรกิจ นักการตลาด คนทำคอนเทนต์ แอดมินเพจธุรกิจ ต้องรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจและทำการตลาดบนกลุ่มแอพของ Facebook ได้แก่ Facebook , Instagram , Messenger และ WhatsApp และยังขยายพลังของโฆษณาบน Facebook ออกไปนอกแพลตฟอร์ม Facebook ที่เรียกกันว่า Audience Network อีกด้วย
สำหรับเครื่องมือนี้ จัดได้ว่ามีรายละเอียดการใช้งานที่ค่อนข้างครบสมบูรณ์เลยทีเดียวสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ ซึ่งทางเราจะทยอยนำมาเล่าสรุปให้ทุกคนฟังอีกทีนะคะว่ามีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจบ้าง
สำหรับคนที่สนใจอยากอ่านรายละเอียดก่อน เข้าไปที่นี่ได้เลยค่ะ https://www.facebook.com/business
10. Facebook Blueprint
เป็นแหล่งรวมหลักสูตรออนไลน์ที่สอนเกี่ยวกับการทำธุรกิจและทำการตลาดบน Facebook ทุกอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบทความให้อ่านและมีการทำ Quiz ทดสอบความเข้าใจท้ายบท แต่บางบทเรียนก็มี Video ให้ดูนะคะ
ข้อดีของ Facebook Blueprint คือ การแบ่งหัวข้อการเรียนรู้ได้ดี และแต่ละบทเรียนก็ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ใช้เวลาอ่านและทำความเข้าใจไม่กี่นาทีก็จบบทแล้ว ทำให้อ่านได้เรื่อย ๆ ไม่น่าเบื่อ
ข้อดีอีกอย่าง คือ มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษค่ะ แต่สำหรับคนที่อ่านภาษาไทยอาจจะอ่านแล้วดูแปลก ๆ งง ๆ ไปบ้าง (เหมือนต้องแปลไทยเป็นไทยอีกที) โดยส่วนตัวทางเราชอบภาษาอังกฤษมากกว่าค่ะเพราะเข้าใจได้ไม่ยาก ศัพท์ที่ใช้ก็ง่าย ๆ
แถมเรียนจบแล้วทาง Facebook มีประกาศนียบัตรให้คุณภูมิใจด้วยนะคะ 😊
สนใจเรียนรู้เพิ่มสกิลไปที่นี่กันเลยค่ะ https://www.facebook.com/business/learn
11. Facebook Success Stories
คนที่ชอบอ่านเรื่องประเภท Success Case น่าจะถูกใจกับฟีเจอร์นี้มาก ๆ เพราะนอกจากคุณจะได้อ่านเรื่องราวความสำเร็จของกรณีศึกษาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นไอเดียและความคิดสร้างสรรค์แล้ว คุณยังจะได้รู้อีกด้วยว่าธุรกิจที่เหมือนกับของคุณเค้าเติบโตด้วยการตลาดบน Facebook อย่างไร ใช้วิธีไหน เครื่องมืออะไร จึงสำเร็จได้รวดเร็วและยั่งยืน
ซึ่งคุณสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ค่ะ เผื่อว่าวันหนึ่งคุณจะได้เป็นหนึ่งในหน้า Success Case นั้นเช่นกัน
ตามมาอ่านกันเลยค่ะ https://www.facebook.com/business/success
12. Facebook News
อยากให้ธุรกิจคุณก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งอยู่เสมอต้องหมั่นอัพเดทข่าวสารและเทรนด์ใหม่ล่าสุดจาก Facebook และกลุ่มแอพของ Facebook
ตามมาอัพเดทกันเลยค่ะ https://www.facebook.com/business/news