Facebook Group เชื่อว่าหลายคนคุ้นเคยกับคำนี้ และในการใช้งาน Facebook บางคนคงต้องเคยได้เข้าร่วมกลุ่มไปบ้างแล้ว
แต่บทความนี้จะทำให้คุณได้รู้จักกับเฟซบุ๊คกรุ๊ปในอีกแง่มุมหนึ่งที่มีความน่าสนใจในเชิงการตลาด ที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดไม่ควรมองข้าม
สำหรับผู้ที่ทำการตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Facebook ทุกคนน่าจะทราบดีอยู่แล้วนะคะว่าเราจำเป็นต้องมีเพจธุรกิจไว้สำหรับติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและผู้ที่สนใจในธุรกิจ สินค้าหรือบริการของคุณ รวมถึงใช้ในการยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ
แต่ทราบหรือไม่คะว่า Facebook ยังสร้างช่องทางสนับสนุนการทำธุรกิจและการตลาดบน Facebook ไว้ให้อีก 1 ชิ้น เป็นช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในแง่ของการสร้างฐานลูกค้า รวมถึง Prospect และ Leads อีกจำนวนมหาศาล
ที่สำคัญที่สุดคือ หากใช้ให้ถูกวิธี มันจะสามารถเปลี่ยนลูกค้าทั่วไป ให้กลายมาเป็น “Brand Lover” หรือ แฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ ได้ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
นั่นก็คือ Facebook Group ค่ะ!
หัวข้อ (คลิกเลือกอ่านได้)
FACEBOOK GROUP คืออะไร?
คือ กลุ่มออนไลน์ ที่สมาชิกกลุ่มคือคนที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน ซึ่งฟอรั่มที่ Facebook เปิดโอกาสให้สร้างกลุ่มก็หลากหลายวาไรตี้มาก ตั้งแต่เรื่องไลฟสไตล์ ช้อปปิ้ง การแต่งตัว การกินเที่ยว งานอดิเรก ของสะสม ไปจนถึงการทำธุรกิจ การลงทุน ความเชื่อ ศาสนา ฯลฯ
ภายในกรุ๊ปจะมีการโพสต์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขอข้อมูลความรู้ ทั้งแบบทั่วไปและในเชิงลึก ขอความช่วยเหลือบ้างก็มี ซึ่งเป็นไปภายใต้กติกาและข้อห้ามของแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกันไปตามแต่แอดมินกลุ่มจะกำหนด
เงื่อนไขการจะเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มได้นั้น ต้องมีการกดขอเข้าร่วมกลุ่ม (join group) ก่อน โดยคำขอนี้จะส่ง notification ไปยังผู้ที่เป็นแอดมินกลุ่มได้ทราบ
บางกลุ่มอาจมีการคัดกรองด้วยการตอบคำถามบางข้อ และให้กดยอมรับกติการกลุ่มก่อน แอดมินจึงจะอนุมัติแล้วสมาชิกคนนั้นจึงจะสามารถเข้าชมเนื้อหาและโพสต์เนื้อหาลงในกลุ่มได้
ด้วยหลักการนี้ ทำให้ Group เป็นสถานที่สำหรับเชื่อมต่อและแบ่งปันข้อมูลกับผู้คนกลุ่มเล็ก ๆ ที่คัดเลือกมาแล้วว่ามีความสนใจตรงกัน เป็น “กลุ่มเดียวกัน” นั่นเอง
FACEBOOK GROUP แตกต่างจาก FACEBOOK FANPAGE (เพจธุรกิจ) อย่างไร?
เพจ
คือ พื้นที่สำหรับทำธุรกิจโดยเฉพาะ ทั้งสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ โปรโมทแบรนด์ สินค้า บริการ ธุรกิจ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ
ไว้ใช้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและผู้ที่สนใจในธุรกิจของคุณได้หลากหลายช่องทาง ทั้งสาธารณะและเป็นส่วนตัว และยังใช้ในการยิงโฆษณาเพจ/โพสต์ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย
กลุ่ม
จะมีความแตกต่างออกไป
กลุ่มคือสถานที่สำหรับติดต่อพูดคุยเพื่อแบ่งปันความสนใจกับผู้คนกลุ่มหนึ่งที่เป็นสมาชิกซึ่งได้รับการอนุมัติแล้วว่ามีความสนใจตรงกัน
เป็นลักษณะคล้าย WebBoard หรือแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร และความคิดเห็น เน้นการ “สนทนา” กัน ไม่เน้นขายของ และไม่สามารถโฆษณาได้
ในด้านการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพจธุรกิจถูกจำกัดการเข้าถึงอยู่ประมาณ 1% หรือน้อยกว่า ของจำนวนคนกดไลค์เพจ หากแบรนด์ต้องการการเข้าถึงหรือการมีส่วนร่วมจำนวนมาก จำเป็นต้องทำการยิงโฆษณาเพจ/โพสต์
แตกต่างจาก Group ซึ่งมีอัตราการเข้าถึง หรือการมีส่วนร่วม ที่ดีกว่ามากแม้ว่าจะไม่สามารถโฆษณาได้ก็ตาม ทั้งนี้เพราะ Facebook ไม่ได้จำกัดการเข้าถึงของสมาชิกกลุ่ม ทำให้สมาชิกกลุ่มเกือบ 100% สามารถมองเห็นโพสต์ในกลุ่มได้
โดยจะเห็นโพสต์ช้าหรือเร็ว ความถี่ให้การมองเห็นมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของสมาชิกแต่ละคนว่ากำหนดการมองเห็นเป็น See First หรือ Custom และขึ้นอยู่กับการตั้งค่า group notification ด้วย
เราจะใช้ FACEBOOK GROUP เพื่อการทำธุรกิจและการตลาดออนไลน์ได้อย่างไร?
ด้วยการทำงานของเฟซบุ๊คกรุ๊ปทำให้หลายคนมองว่าไม่ได้ส่งผลประโยชน์ในทางธุรกิจแต่อย่างใด เพราะขายของก็ไม่ได้ โฆษณาก็ไม่ได้ ทำให้หลายคนไม่ได้ให้ความสำคัญในการสร้าง Group และพลาดโอกาสทางธุรกิจไปอย่างน่าเสียดาย
เพราะที่จริงแล้วเราสามารถนำมาใช้ในการทำธุรกิจและการตลาดออนไลน์ได้มีประสิทธิภาพไม่แพ้ Facebook Fanpage เลยทีเดียว
การใช้งานเฟซบุ๊คกรุ๊ปในเชิงธุรกิจและการตลาด สามารถทำได้ 2 ฝั่ง คือ ในฝั่งของแบรนด์ที่เปิด Group ให้สมาชิกมาเข้าร่วมกลุ่ม และฝั่งของการเป็นแบรนด์ไปขอเข้าร่วมกลุ่มต่าง ๆ ในฐานะสมาชิกกลุ่ม ซึ่งมีเทคนิคการใช้งานแตกต่างกัน
ในวันนี้เราจะมาพูดถึงฝั่งแรกกันก่อน มาดูกันว่า
ในฝั่งของแบรนด์ เราสามารถทำประโยชน์อะไรได้บ้างจากการเปิด FACEBOOK GROUP
1. ได้มีพื้นที่ในการสื่อสารแบรนด์ที่ไม่จำกัดการเข้าถึง
แม้ว่าเฟซบุ๊คกรุ๊ปจะไม่สามารถยิงโฆษณาได้เหมือนกับเพจธุรกิจ แต่การเข้าถึงของโพสต์บน Group ค่อนข้างดีกว่าเพจมาก จะมีสมาชิกกลุ่มเห็นโพสต์ของคุณจำนวนมาก ยิ่งถ้าสมาชิกกลุ่มตั้งคาการมองเห็นเป็น See First มากเท่าไหร่ Reach ก็ยิ่งมีมากขึ้นไปเท่านั้น
การสื่อสารแบรนด์ที่คุณสามารถทำได้ในกลุ่มก็มีหลายอย่างเลยค่ะ เช่น อัพเดทข้อมูลข่าวสาร ประชาสัมพันธ์กิจกรรม Event ต่าง ๆ ของแบรนด์ ฯลฯ
2. ได้ภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะสินค้า/บริการที่ช่วยแก้ไขปัญหา (Pain Point Solution)
แม้ Content หลักของกลุ่มจะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร แชร์ความคิดเห็นและประสบการณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราในฐานะแอดมินกลุ่มจะโพสต์นำเสนอสินค้าไม่ได้เลยนะคะ
ใน Group เราสามารถโพสต์นำเสนอสินค้าและบริการของแบรนด์ได้ แต่ต้องไม่ใช่การ Hard Sale เหมือนที่เราทำในเพจ
การนำเสนอสินค้า / บริการ แบบไม่ยัดเยียด แต่เป็น Solution หนึ่งให้กับสมาชิก พร้อมทั้งแบ่งปันความรู้และข้อมูลสนับสนุนจำนวนมากจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความประทับใจในแบรนด์ กระทั่งช่วงชิงพื้นที่ในใจกลุ่มเป้าหมายได้เมื่อต้องมีการตัดสินใจซื้อ
3. ได้สร้าง Brand Lover / Brand Loyalty
เมื่อสมาชิกกลุ่มเสพข้อมูลความรู้จากแบรนด์ของเราบ่อย ๆ ย่อมสร้างความน่าเชื่อถือ ความผูกพัน ให้เกิดกับแบรนด์มากขึ้น กลายเป็น “ชุมชนคนรักแบรนด์” ของธุรกิจเราขึ้นมา
ที่สำคัญ หาก Content น่าสนใจ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมจากสมาชิกกลุ่มจำนวนมาก โดยเฉพาะการแชร์ก็จะส่งผลให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมาก สร้าง Brand Awareness ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกกลุ่มคุณก็สามารถรับรู้ได้
4. ได้สร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจในใจกลุ่มเป้าหมาย
โดยปกติ ภายในกลุ่มมักมีการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ รีวิวสินค้า และประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้สินค้า / บริการ ของแบรนด์อยู่แล้ว และคนส่วนใหญ่ก็มักจะเชื่อถือรีวิวเหล่านี้มากกว่ารีวิวที่อยู่ในเพจ เพราะมองว่าเป็นรีวิวของจริง ที่แบรนด์ไม่ได้ make ขึ้นมา
5. เป็นพื้นที่ดูแลลูกค้าหลังการขายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
แบรนด์สามารถเปิดเป็นกลุ่มสำหรับผู้ใช้สินค้า / บริการของแบรนด์โดยเฉพาะ และเปิดให้สมาชิกสามารถเข้ามาโพสต์สอบขอคำแนะนำการใช้ หรือ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ได้
มีข้อดีที่ต่างจากการให้ทักไปในเพจ คือ ในเพจจะมีข้อความหลากหลาย ทั้งจากผู้สนใจสินค้า คนสั่งซื้อ หรือแจ้งปัญหาการใช้งาน
แอดมินเพียง 1-2 คน อาจไม่เพียงพอต่อความต้องการสอบถามของแฟนเพจจำนวนมาก ถ้าตอบช้าไปนอกจากเสียโอกาสทางธุรกิจแล้ว ยังทำให้ผู้สอบถามรู้สึกไม่ดีกับแบรนด์อีกด้วย
การเปิดกลุ่มผู้ใช้สินค้าขึ้นมา จะช่วยแบ่งเบาภาระจากเพจหลักออกมา คำถาม คำแนะนำต่าง ๆ ก็จะถูกจำกัดให้แคบลง เช่น เป็นเรื่องของการใช้งาน การแก้ปัญหาเบื้องต้น และคำแนะนำทั่วไป เป็นต้น
บางครั้งผู้ดูแลกลุ่มอาจไม่ต้องตอบคำถามเองด้วยซ้ำเพราะสมาชิกกลุ่มท่านอื่น ๆ ก็อาจมามีส่วนร่วมในการตอบความคิดเห็น ช่วยให้ประหยัดเวลาในการตอบคำถาม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะไม่ต้องมี Call Center และยังช่วยให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกผูกพันกับแบรนด์อีกด้วย
บทสรุป:
การตลาดผ่านเฟซบุ๊คกรุ๊ปมีประสิทธิภาพมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่คอนเทนต์การตลาดขับเคลื่อนโดยกลุ่มผู้บริโภคเอง (User Generate Content) และผู้คนต้องการคำตอบ ต้องการการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด มากกว่าคำโฆษณาสินค้าทั่วไป ซึ่ง Group สามารถตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้
หากแบรนด์สามารถตอบคำถามที่สมาชิกกลุ่มมาโพสต์ถาม หรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้อย่างสม่ำเสมอ มีการสนับสนุนให้สมาชิกกลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็นต่อสินค้าหรือบริการอย่างเปิดกว้าง รวมถึงการรับมือกับข้อ complain ต่าง ๆ อย่างมืออาชีพ
ดังนี้ จะช่วยให้แบรนด์ของคุณมีน้ำหนักในใจกลุ่มเป้าหมาย จนกลายเป็น Top of Mind ได้ในที่สุด ที่สำคัญคนเหล่านี้จะกลายมาเป็น “กลุ่มคนรักแบรนด์” (Brand Lover) โดยปริยาย แบบที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเลย